26.2.61

ปัญหาทุบรถที่จอดขวางทางเข้าบ้าน สะท้อนสังคมไทย ถ้าไม่ฟ้องให้เสียหน้า กรุไม่แก้ไข

ปัญหาทุบรถที่จอดขวางทางเข้าบ้าน สะท้อนสังคมไทยที่ขาดความรับผิดชอบแบบมืออาชีพ

มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งถนนในหมู่บ้านไม่ได้รับการซ่อมแซมมาเป็นเวลานาน จึงมีสาวคนหนึ่งไปอาบน้ำในหลุมถนนแล้วแชร์ในโลกโซเชียล ปัญหาถนนเป็นหลุมจึงได้รับการแก้ไขใน 2 สัปดาห์

มีบ้านหลังหนึ่งมีปัญหากับตลาดที่มาสร้างรายล้อมรอบบ้าน เจ้าของบ้านจึงไปร้องเรียนกับเขต รวมทั้งไปฟ้องร้องต่อศาลแต่ก็ไม่ได้รับการดูแล เค้าจึงทุบรถที่มาจอดหน้าบ้านกลายเป็นประเด็นสังคม ทำให้หน่วยงานต่างๆมาจัดระเบียบตลาดครั้งใหญ่

ผลตอบรับที่ดีเกินคาดล้วนเกิดจากการ feedback ปัญหานอกขั้นตอนปกติทั้งสิ้น เป็นคำถามที่ท้าทายว่าเราสมควรปฏิบัติตามกฎที่มีระบบขั้นตอนที่ถูกกำหนดขึ้นชัดเจน หรือเราสมควรแหกขั้นตอนเพื่อผลลัพท์ที่ดีกว่ากันแน่
ซึ่งผมขอยกตัวอย่างนึง ที่มักเกิดในบริษัทผมเสมอๆ



ทำไมคนเราถึงเลือกที่จะตอบสนองแบบนี้ครับ ทำไมพูดกันดีๆไม่ทำให้ ต้องให้ฟ้องถึงทำงานได้เร็ว 
คำตอบก็คือ คนทำงานส่วนใหญ่มักขาดความเป็นมืออาชีพครับ คนเราไม่ได้ถูกผลัดดันการทำงานจากความจำเป็นของงาน แต่เราถูกผลักดันกับผลประโยชน์ที่เราได้รับหรือเสียจากงานมากกว่า (ตามสั่ง ไม่ได้ตามปัญหา)

ซึ่งผมคิดว่า ระบบการทำงานส่วนใหญ่ขาดการสร้าง insight ในการทำงานให้ถูกต้อง ทำให้คนเราปฏิบัติกับงานอย่างผิดๆ เช่น สร้างให้ตำรวจจราจรเห็นผลประโยชน์ที่ได้จากค่าปรับ มากกว่าความถูกต้องของกฎหมายจราจร แบบนี้ตำรวจก็เลือกจับแต่ที่ได้ค่าปรับแทนที่จะจับทุกคนที่ทำผิดกฎจราจรสิครับ

ปัญหาจึงเกิดกับคนที่ทำตามกฎตามขั้นตอนแต่ผ่านเจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นมืออาชีพก็จะไม่ได้รับการตอบสนองที่ดี ซึ่งคนที่ไม่ยอมและกล้าเรียกร้องก็มีสิทธิได้การตอบสนองที่มากกว่า โดยที่สื่อโซเชียลก็เป็นสื่อชั้นดีในการเรียกร้อง ก็น่าเห็นใจหน่วยงานที่โดนเรียกร้องนะครับที่ต้องมาตามแก้ปัญหาที่เป็นประเด็นทางสังคมมากกว่าปัญหาที่หน่วยงานมีการวางแผนตามนโยบาย แต่ส่วนหนึ่งมักก็เกิดจากปัญหาที่เราไม่สร้างกระบวนให้เป็นที่น่าเชื่อถือของสังคมด้วย


ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่เราจะใช้ช่องทางแบบไม่ตามขั้นตอน เพราะสุดท้ายมันจะมาตามเป็นกระแสงวดๆไป ถ้าเป็นไปได้เราควรสร้างให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบและทำตามขั้นตอนที่ควรเป็นมากกว่า โดยเริ่มจากผู้นำองค์กรหรือบริษัทชั้นนำของเมืองไทยมีแนวคิดที่ถูกต้อง และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อๆไป จะได้สร้างแนวคิดที่ถูกต้องต่อๆกันไป และผู้แจ้งก็จะแจ้งอยู่ในขั้นตอนที่ถูกที่ควร ไม่ใช่ต้องมาประจานกันถึงจะเริ่มต้นทำอะไรซักอย่าง